26/7/2019
วันนี้ มีคิวโค้ชผู้บริหาร 3 ท่าน
ทุกครั้งที่ทำงานโค้ช ไม่ว่าจะเป็นการโค้ชกลุ่ม หรือ โค้ชตัวต่อตัว สิ่งสำคัญที่เตือนใจตัวเองเสมอคือ เรากำลังทำงานที่สำคัญที่สุด กำลังทำงานกับชีวิตและเพื่อเป้าหมายของคน/กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเรา
การโค้ชบริหารกับการโค้ชบุคคลทั่วไปใช้กระบวนการ ทักษะและเครื่องมือเหมือนกับการโค้ชทั่วไป แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือ โดยตำแหน่งและสถานภาพในองค์กร ผู้บริหารท่านอยู่ในระดับที่สูงกว่าผู้อื่นในองค์กรของท่าน (และขึ้นกับว่าท่านเป็นผู้บริหารระดับใดในองค์กรด้วย) ความรับผิดชอบต่อองค์กรและบริบทการเป็นผู้นำของท่านจึงแตกต่างจากบุคคลอื่นๆโดยปริยาย
โค้ชทุกท่านทราบดีว่า กรอบความคิด หรือ Mindset หนึ่งของการเป็นโค้ชคือ ในกระบวนการโค้ชหรือขณะกำลังโค้ช ผู้รับการโค้ชและโค้ชมีสถานภาพเท่ากัน เป็นกรอบความคิดเชิงจิตวิทยาที่ช่วยผู้รับการโค้ชและโค้ชพูดคุยกันในบริบทที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางกันอย่างแท้จริง สามารถสร้างความไว้วางใจและความใกล้ชิดได้เร็วขึ้น
สหพันธ์โค้ชนานาชาติพบว่า จากผลสำรวจ ความเห็นโค้ชผู้เป็นสมาชิกทั่วโลก ความไว้วางใจและความใกล้ชิดระหว่างโค้ชและผู้รับการโค้ชเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในกระบวนการโค้ช
ดังนั้น โดยทั่วไปโค้ชที่เป็นโค้ชผู้บริหารจึงเป็นโค้ชที่มีความมั่นคงและศรัทธาตนเองในการเป็นโค้ชสูง จริงอยู่ ไม่ว่าผู้รับการโค้ชจะเป็นใคร โค้ชต้องเป็นผู้ที่มีความมั่นคงและศรัทธาตนเองในการเป็นโค้ช สิ่งนี้เป็นพื้นฐานสำคัญอยู่แล้วของโค้ช และต้องการในระดับที่สูงขึ้นเมื่อโค้ชผู้บริหาร ผู้บริหารเป็นผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ทุกด้าน มิฉะนั้น ท่านจะไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในระดับนั้นๆได้ในองค์กร (พูดถึงกรณีปกติทั่วไป) และจากประสบการณ์ของแจ๊ดเอง ผู้บริหารท่านมีพลังบารมีที่เราสัมผัสได้จากความรู้สึกอีกด้วย กว่า 80% ของโค้ชจำนวนหนึ่งที่แจ๊ดคุยด้วยบอกว่า การโค้ชผู้บริหารต้องการความมั่นคงและศรัทธาในการเป็นโค้ชสูงกว่าการโค้ชทั่วไป